ภาวะ ADHD สมาธิสั้นในเด็ก

15/10/2025
ภาวะ ADHD สมาธิสั้นในเด็ก

ภาวะ ADHD สมาธิสั้นในเด็ก

        ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ภาวะสมาธิสั้นในเด็ก" เป็นภาวะทางพัฒนาการที่พบบ่อยในเด็ก โดยเฉพาะช่วงวัยอนุบาลถึงประถมต้น เด็กที่มีภาวะนี้ ไม่ใช่เด็กดื้อ หรือไม่มีวินัย แต่เป็นเด็กที่สมองทำงานแตกต่างในด้านการควบคุมสมาธิ อารมณ์ และพฤติกรรม เด็กบางคนอาจมี แค่บางอาการ หรืออาการอาจเปลี่ยนไปตามช่วงวัย

ลักษณะเด่นของเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD)

  1. ขาดสมาธิ / วอกแวกง่าย
    • ยากที่จะบังคับจิตใจให้จดจ่อ หรือ สนใจอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
    • ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดได้นาน เช่น ฟังครูสอน ทำการบ้าน หรือฟังพ่อแม่พูด
    • ทำของหายบ่อย ลืมง่าย
  2. เคลื่อนไหวบ่อย อยู่ไม่นิ่ง / ซุกซนเกินวัย
    • ขยับตัวตลอดเวลา ลุกจากที่นั่งโดยไม่จำเป็น
    • วิ่งหรือปีนป่ายในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม
  3. ใจร้อน / ขาดการยับยั้งชั่งใจ
    • พูดแทรก ตอบก่อนฟังจบ เล่นไม่รอคิว
    • อารมณ์ขึ้นง่าย หงุดหงิดไว
    • ชอบทำอะไรเร็วๆ ไม่เรียบร้อย  

สมาธิสั้นเกิดจากอะไร?

แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด 100% แต่พบว่ามีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายด้าน เช่น

  • พันธุกรรม: พ่อแม่หรือพี่น้องเคยมีภาวะนี้
  • พัฒนาการของสมอง: สมองส่วนที่ควบคุมสมาธิทำงานช้ากว่าปกติ
  • สิ่งแวดล้อม: การเลี้ยงดู ความเครียด มลภาวะ สารเคมีบางชนิด อาจกระตุ้นอาการ

 

        ในมุมมองของโรคนี้ ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน มีแนวความคิดว่า เกิดจากอวัยวะอื่นๆที่เกี่ยวข้องมีความผิดปกติ ทำให้ส่งผลต่อสมอง เช่น
หัวใจ  หัวใจทำหน้าที่ควบคุมสติ อารมณ์ และความคิด (心主神明)
ม้าม ม้ามเสริมสร้างแขนและขา รวมทั้งการเคลื่อนไหว (脾主四肢)
ตับ ตับควบคุมอารมณ์และการตัดสินใจ (肝主疏泄)
ไต ไตเสริมสร้างกระดูกและสร้างสารจิง (肾主骨生髓养脑)

 

โรคสมาธิสั้นในเด็กสามารถแบ่งกลุ่มอาการตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนได้ดังนี้

1.หยินของตับและไตพร่อง

อาการ : อยู่นิ่งไม่ได้ หงุดหงิดง่าย หุนหันพลันแล่น

ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีสมาธิ ความจำไม่ดี

เหงื่อออกตอนกลางคืน ร้อนปลายมือปลายเท้า ท้องผูก

 

2.ม้ามและหัวใจพร่อง

อาการ : ขี้กังวล คิดมาก อยู่นิ่งไม่ได้ กระสับกระส่าย ขี้ลืม คิดช้า

เหงื่อออกเยอะ กลางคืนนอนดึก ตื่นง่ายเมื่อได้ยินเสียง

ฝันบ่อย เบื่ออาหาร ท้องเสียถ่ายเหลว

 

3.เสมหะร้อนอุดกั้น

อาการ : พูดเยอะ ร้องไห้งอแง อยู่นิ่งไม่ได้ ขาดสมาธิ แน่นหน้าอก ท้องอืด มีเสมหะในลำคอ ไม่อยากอาหาร ปากขม ปัสสาวะเหลืองมีเลือดปน ท้องผูก ลิ้นแดง ฝ้าเหลืองมัน ชีพจรลื่นเร็ว

 

กลไกการออกฤทธิ์ของการฝังเข็มในการรักษา ADHD

1. ปรับสมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง

จากผลการวิจัย พบว่า การฝังเข็มสามารถกระตุ้นจุดเฉพาะ เช่น จุดไป่ฮุ่ย (百会) และ จุดซื่อเสินชง (四神聪) อยู่บริเวณเหนือศีรษะ ซึ่งส่งผลต่อการหลั่งของสารสื่อประสาทในสมอง เช่น โดปามีน (Dopamine) และ นอร์อิพิเนฟริน (Noradrenaline) สารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมสมาธิ และอารมณ์ของผู้ป่วย ADHD ส่งผลให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น และควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น

 

2. ส่งเสริมการทำงานของสมองส่วนหน้า (prefrontal cortex)

จากการศึกษาด้วยเครื่อง fMRI (functional MRI) พบว่า การฝังเข็มช่วยเพิ่มการทำงานของสมองบริเวณเปลือกสมองส่วนหน้าผาก (prefrontal cortex) ซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ สมาธิ และการควบคุมพฤติกรรม ผลคือ อาการอยู่ไม่นิ่งและหุนหันพลันแล่นในเด็กจะลดลง

 

3. บรรเทาอาการร่วมอื่น ๆ ที่พบในผู้ป่วย ADHD

ในผู้ป่วยบางรายที่มีภาวะร่วม เช่น ความวิตกกังวล ปัญหาการนอนหลับ การฝังเข็มสามารถช่วยปรับสมดุลการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) ส่งผลให้ นอนหลับดีขึ้น อารมณ์สงบลง และความวิตกกังวลลดลง

 

        ควรฝังเข็ม 1 ครั้ง / สัปดาห์ ใช้เข็มขนาดเล็กมาก เจ็บน้อยมากหรือไม่เจ็บเลย เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว

จะค่อยๆ ลดเหลือ 1–2 ครั้ง / เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ทำการรักษาอย่างเคร่งครัดด้วยเช่นกัน

 

        สมาธิสั้นไม่ใช่ความผิดของเด็ก แต่เป็นเรื่องของสมอง ที่ผู้ปกครองต้องการช่วยเหลือและทำความเข้าใจ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เด็กที่มีภาวะ ADHD ก็สามารถเรียนรู้ เติบโต และมีความสุขได้เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ

 

        แพทย์แผนจีนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถรักษาควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน หรือ ร่วมกับการจิตบำบัดให้ผลการรักษาดีขึ้นได้เช่นกัน